ช่วงเย็น หลังวัน Present ใหญ่ ทีมสถาปนิกท่าทางอิดโรย สองสามคน มานั่งประชุมกันหลังจากได้ comment จากลูกค้า ถึงแม้ตัวแบบแปลน จะผ่านโดยไม่มีปัญหาอะไร แต่โจทย์ที่ลูกค้าให้เพิ่มเติม เป็นที่มาของการนั่งประชุมในวันนี้ ลูกค้าต้องการออกแบบอาคารสำนักงานใหญ่ ที่มีภาพลักษณ์ ความเป็น Landmark ของละแวกนั้น และมีความเป็น Fintech ที่สะท้อนถึงธุรกิจโบรคเกอร์ประกันภัยของตัวเอง
ถึงแม้ว่าลูกค้าไม่ได้ให้โจทย์นี้มาตั้งแต่แรก แต่ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะหลายครั้ง การทำงานของสถาปนิกกับลูกค้า เปรียบเสมือนการทำความเข้าใจโครงการไปพร้อมๆกัน การที่ลูกค้าสามารถสรุปความต้องการของตัวเองออกมาเป็น Keyword ได้ ย่อมหมายความว่าโจทย์ในการทำงานออกแบบนั้นชัดเจนมากขึ้น
“ สถาปนิกจะตีความคำว่า Landmark และ Fintech สำหรับโครงการนี้ยังไงดี ”
นี่เป็นโจทย์ ที่ค่อนข้างท้าทาย สำหรับโปรเจค ที่ผ่านการ Present จนเกือบจะ Final แล้ว ไม่มี Comment เรื่องผังการใช้งานอาคารแล้ว แต่ภาพลักษณ์ ยังไม่ถูกใจเจ้าของโครงการ
“ วันนี้พอแค่นี้ก่อนแล้วกัน พรุ่งนี้ว่ากันใหม่ ให้ทีม R&D เข้ามาประชุมด้วย ”
เช้าวันต่อมา การประชุมเป็นไปด้วยความเรียบง่าย หลังจากทีมสถาปนิก ได้เล่าที่มาของงาน ตั้งแต่ต้นจนจบแบบสรุปสั้นๆในที่ประชุม
R&D : ฟังดูเป็น Happy Problem นะครับ เพราะแก้โจทย์เรื่องนี้ได้ งานนี้ก็ Final แล้ว เริ่มทำ Design Develop for Tender Drawing ได้เลย ส่วนเรื่องภาพลักษณ์อาคาร คงต้องใช้วิธีเลือกวัสดุให้เหมาะสมเข้ามาช่วย
Architect : วัสดุที่ออกแบบไว้ ก็ตาม Function การใช้งานและภาพลักษณ์ของอาคารอยู่แล้ว มีความโดดเด่นออกมาจากอาคารในละแวกข้างเคียง
R&D : อะไรที่โดดเด่นจาก context รอบข้าง พออธิบายให้ฟังได้ไหมครับ
Architect : อาคารริมถนนละแวกนี้ ส่วนใหญ่เป็นอาคารพาณิชย์ที่เป็นตึกแถว และการใช้งานส่วนใหญ่คือตอนกลางวัน ดังนั้น การที่เราเลือกใช้วัสดุที่เป็นกระจกสูง และให้ Lighting ในเวลากลางคืน จึงทำให้เกิดความโดดเด่น เป็นที่จดจำได้ง่ายอยู่แล้วครับ เรื่องคำว่า Landmark นี้มีแนวความคิดตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว เพราะพื้นที่เดิมของโครงการ ก็มีภาพจำติดอยู่กับโครงการอยู่แล้ว เช่น หากเรียกแทกซี่แถวนั้น บอกว่าไปตึก “ศรีกรุง” คนขับส่วนใหญ่จะรู้จักและพาไปถูกที่
R&D : OK ครับ งั้น คำว่า Landmark น่าจะตอบโจทย์ได้พอสมควรแล้ว เราไป Research คำว่า “Fintech” กันต่อ
Architect : นั้นละครับ ปัญหาของการประชุมวันนี้ เพราะคำนี้มาทีหลัง ไม่ได้คิดไว้ก่อนเลย
R&D : จริงๆการออกแบบอาคารให้สะท้อนตัวตนของธุรกิจมันเป็นเรื่องปกติวิสัยของสถาปนิก เพียงแต่อาจจะใช้คำที่ต่างกันไป เรามาลองจัดระเบียบความคิดกันอีกที เผื่อจะมีไอเดียอะไรดีๆที่เพิ่มขึ้นมาก็ได้ครับ
R&D : คำว่า Fintech มาจาก Financial + Technology คือเทคโนโลยีทางการเงิน ซึ่งคนส่วนใหญ่มักเข้าใจว่าต้องเกี่ยวกับธุรกิจการเงิน ดังนั้น ภาพของอาคารที่เกี่ยวกับธุรกิจการเงิน ก็คงหนีไม่พ้นธนาคาร ซึ่งหากจะพูดถึง Keyword ที่สื่อภาพลักษณ์ของธนาคารแล้ว น่าจะได้ 3 คำหลักๆคือ Financial, Trust, Technology
R&D : ของโครงการ “ศรีกรุง” เราสามารถถอด Keyword อะไรออกมาได้บ้าง ที่อยากจะสื่อถึงภาพลักษณ์น่ะครับ
Architect : ในธุรกิจประกันภัยสิ่งสำคัญอันดับแรกคือการดูแล เทคแคร์ลูกค้า หากสร้างความอุ่นใจให้กับลูกค้าได้ ความเชื่อมั่นอื่นๆก็จะตามมาเอง ส่วนเรื่องเทคโนโลยีที่นำมาใช้ เรามองว่าเป็นเรื่องของเครื่องมือในยุคสมัยใหม่เท่านั้น หากจะให้ถอดเป็น Keyword อันดับหนึ่งก็คือ Takecare ที่เป็นหัวใจหลักของธุรกิจ และรองลงมาคือ Trust และ Technology ที่เจ้าของโครงการต้องการสื่อสารออกมา
R&D : ดูแล้วคำว่า Takecare จะสะท้อนตัวตนของธุรกิจได้มากกว่าคำว่า Fintech เสียอีกนะครับ
Architect : ใช่ครับ สำหรับงานนี้ ตัวอาคารถูกออกแบบให้มีความทันสมัย จากตัววัสดุ แต่ภาพรวม มันควรจะมีโทนอบอุ่นอยู่ในนั้นด้วย แสดงถึง Character ของธุรกิจ เป็นบทสรุปของภาพลักษณ์ที่โครงการนี้ต้องการ
การเลือกใช้ผนังกระจก และผนังอลูมอเนียมคอมโพสิท สีเมทัลลิก สื่อสารถึงความทันสมัยได้ด้วยคุณสมัติของตัววัสดุเอง แต่จะทำอย่างไรให้ภาพรวมของอาคารดูอบอุ่น เป็นกันเองมากขึ้น เพราะหลายครั้ง ที่วัสดุอย่างผนังกระจก และอลูมิเนียมคอมโพสิท ก็ทำให้อาคารดูหรูหราจนเกินไป ไม่รู้สึกอบอุ่นเป็นกันเอง ไม่เหมือนไม้หรือผนังปูน ที่คนทั่วไปรู้สึกใกล้ชิด และคุ้นเคยกับมันมากกว่า
R&D : กลายเป็นว่า วัสดุที่เลือกใช้ ให้ภาพลักษณ์ที่ขัดแย้งกับสิ่งที่สถาปนิกต้องการจะสื่อออกไปหรือครับ
Architect : ก็ไม่ขนาดนั้นครับ เพียงแต่อยากให้ความเนี๊ยบ ความทันสมัยของวัสดุ ดูเป็นพระรอง มากกว่าพระเอก ซึ่งจริงๆก็ทำไปแล้ว เช่นตัวผนังอลูมอเนียมคอมโพสิท เลือกใช้สีแบบเมทัลลิค เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเมื่อแสงตกกระทบในมุมที่ต่างกัน ช่วยทำให้ดู Soft ขึ้น และ การแบ่ง Pattern ก็ช่วยลดทอนความเป็น Mass ก้อนใหญ่ลง
ส่วนตัวกระจก เลือกใช้วิธีแบ่งความโปร่งใส และโปร่งแสง ในแต่ละโซนตาม Function การใช้งาน
R&D : ก็ดูลงตัวหมดแล้วนี่ครับ จากที่มาที่ไปทั้งการตีความในภาษาทางสถาปัตยกรรม มาจนถึงการเลือกใช้งานวัสดุ
Architect : ผมยังอยากลงรายละเอียดของกระจกมากกว่านี้ครับ ว่ามันมีกระจกแบบไหน ที่จะช่วยให้ตัวอาคารดู Soft ลงมากกว่านี้ เพราะตอนนี้ที่เราใช้กันประจำคือ กระจกใส กระจกโปร่งแสง (กระจกฝ้า) และกระจกเงา มันมีเทคโนโลยีกระจกอะไรมากกว่านี้ไหม ที่ทำให้งานออกแบบอาคารมันน่าสนใจมากขึ้น
R&D : ถ้ากระจกสวยๆสมัยใหม่ที่นิยมใช้กันมากขึ้น ก็คงหนีไม่พ้นพวกกระจกลอนต่างๆ หรือ พวก Fabric Glass ที่ให้ Effect ที่แปลกตา แต่ที่มีขายในเมืองไทย จะเป็นกระจกสำหรับงานตกแต่งภายในมากกว่า ไม่สามารถใช้เป็นผนังภายนอกของอาคารได้
สำหรับกระจกภายนอกที่ให้ Effect แบบนี้คือ Profilit U-Glass เป็นกระจกหล่อขึ้นรูปเป็นตัว U สามารถนำมาทำผนังภายนอกได้ ใช้ได้ทั้งแบบ 1 Layer หรือประกบกันเป็น 2 Layer ก็ได้ ในภาพตัวอย่างนี้คือของ Lambert จากเยอรมัน มีทั้งแบบใส พ่นทราย แบบลอน เพิ่มความหลากหลายในงานออกแบบผนังกระจกภายนอกได้เป็นอย่างดี
Architect : นี่มัน U-Glass นี่ครับ เคยเห็นใน Pinterest น้องๆเอามาเสนอ มี Supplier ในไทยเอาเข้ามาแล้ว แต่ราคาก็ไม่ธรรมดา เคยอยากใช้งาน แต่ตอนนั้นยังไม่มีโปรเจคที่เหมาะ
“แต่มันน่าจะเหมาะกับงานนี้นะ ผมจินตนาการภาพสุดท้ายของโครงการออกมาได้ลางๆแล้วละ”
R&D : งั้นปิดประชุมเลย แล้วผมรอดู Final Presentation เลยละกันครับ
Architect : สัปดาห์หน้า Design น่าจะจบครับ เดี๋ยวผมลองขอ Mockup ตัว U-Glass มา แล้วทดสอบสมมุติฐานเรื่องการให้ Lighting หน่อยเพื่อความมั่นใจ
R&D : OK ครับ สัปดาห์หน้าเจอกัน
จบไปอีก 1 วัน กับเรื่องราวใน Studio ออกแบบสถาปัตยกรรม ที่สถาปนิกเอง ทำงานหนักมากจนหลงลืมว่าตัวเองทำอะไรไปแล้วบ้าง ลืมที่จะจัดระเบียบความคิด และจัดเก็บข้อมูลให้เป็นระบบ
—- 1 สัปดาห์ ผ่านไป —-
Architect : ผมกลับไปทำ Diagram เพื่อ Recheck เรื่อง Keyword ต่างๆ ก่อนจะแปลงมันเป็นภาษาทางสถาปัตยกรรม ก็พบว่า พอจัดระเบียบความคิดดูแล้ว ถึงเข้าใจตัวเองมากขึ้น ว่าคิดอะไรอยู่ และไม่ต้องเป็นกังวลกับคำว่า Fintech ที่เพิ่มเข้ามาภายหลังเลย เพราะมันอยู่ในนี้อยู่แล้ว เพียงแต่ไม่ใช่พระเอกนั่นเอง
Architect : U-Glass ทำให้ความเป็นผนังกระจกดูมีเสน่ห์มากขึ้น สามารถแบ่งลำดับของความโปร่งแสงได้ ทำให้ตัวอาคารดูมีมิติ และอ่อนโยนมากขึ้น อาคารจึงดูทันสมัยแต่อบอุ่น ตอบโจทย์ภาพลักษณ์ที่ “ศรีกรุง” ต้องการพอดี
R&D : จาก Happy Problem สู่ Happy Ending นะครับเนี่ย
คงต้องรวบรวมข้อมูล U-Glass ที่ใช้จริงแล้ว มาที่ Hongmat R&D หน่อยนะครับ อีกไม่นานคงมีคนสนใจเยอะ สมาชิกจะได้ไม่ต้องมานั่ง Research กันใหม่
สนใจสมัครสมาชิก Hongmat.com เพื่อใช้งาน Cloud Construction Materials Data ฟรี >>> คลิกที่นี่
ปล. เรื่องแต่งจากประสบการณ์งานออกแบบจริง (Base on True Design Experience)